10 ข้อห้าม !! "เมื่อกระจกรถยนต์แตก”

ไม่ว่าจะเป็น รอยร้าวเล็ก ๆ บนกระจกรถยนต์จากหินกระเด็น หรือกระจกแตกร้าวจากอุบัติเหตุเบา ๆ สิ่งที่เจ้าของรถควรรู้มากที่สุดคือ… “ห้ามทำอะไรต่อจากนี้” เพราะการตัดสินใจผิดเพียงนิดเดียว อาจทำให้ต้องเปลี่ยนกระจกทั้งบานโดยไม่จำเป็น 10 ข้อห้ามที่ไม่ควรมองข้าม
1. ห้ามขับรถต่อหากรอยแตกบดบังทัศนวิสัย
หากรอยแตกจากหินมีขนาดใหญ่ หรืออยู่ในตำแหน่งที่บดบังการมองเห็นขณะขับขี่ ควรรีบหาที่จอดรถที่ปลอดภัยข้างทางทันที การฝืนขับรถต่อไปอาจเป็นอันตรายต่อตัวผู้ขับขี่และผู้ร่วมทางคนอื่นๆ
2. ห้ามลืมถ่ายรูปความเสียหาย
การถ่ายรูปบริเวณที่หินกระแทก รอยแตก และภาพรวมของกระจก จะเป็นหลักฐานสำคัญในการเคลมประกันภัย และประเมินความเสียหายเบื้องต้น
3. ห้ามสัมผัสบริเวณที่เกิดรอยแตก
บริเวณที่หินกระแทกอาจมีเศษกระจกเล็กๆ การสัมผัสโดยตรงอาจทำให้เกิดบาดแผลได้ หรือ อาจทำให้รอยแตกขยายตัวมากขึ้นจนไม่สามารถซ่อมได้

4. ห้ามขับเร็ว
การขับรถเร็วนอกจากจะเกิดแรงลม ยังเกิดแรงสั่นสะเทือน รวมถึงแรงกระแทกจากการปิดประตูหรือฝากระโปรงรถอย่างแรง อาจส่งผลกระทบต่อกระจกที่แตกร้าวอยู่แล้ว ทำให้รอยแตกขยายใหญ่ขึ้น
5. ห้ามล้างรถ
การล้างรถนอกจากจะเป็นการนำสิ่งสกปรกเข้าสู่รอยแตกของกระจกรถยนต์แล้ว หากใช้น้ำแรงดันสูงจะส่งผลกระทบทำให้รอยแตกขยายตัวใหญ่ขึ้น รวมถึงการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็วของกระจกรถยนต์ทำให้กระจกรถยนต์อาจจะร้าวเพิ่มมากขึ้น

6. ห้ามปล่อยให้บริเวณที่เสียหายสัมผัสกับความร้อนหรือเย็นจัด
อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอาจทำให้รอยแตกบนกระจกขยายตัวหรือหดตัว ซึ่งอาจนำไปสู่การแตกร้าวที่ใหญ่ขึ้นได้ ควรหลีกเลี่ยงการจอดรถตากแดดจัด หรือการเปิดแอร์เย็นจัดใส่กระจกโดยตรง
7. ห้ามปล่อยรถทิ้งไว้เป็นเวลานานโดยไม่มีการป้องกัน
หากกระจกมีรอยแตกหรือรอยร้าว ควรหาผ้าเทปใส หรือสติกเกอร์ มาปิดทับบริเวณที่เสียหายชั่วคราว เพื่อป้องกันฝุ่น ละอองน้ำ หรือสิ่งสกปรกเข้าไปในรอยแตก ซึ่งอาจทำให้การซ่อมแซมยากขึ้น รวมถึงผลการซ่อมที่เกิดรอยหลงเหลือไว้เยอะขึ้นด้วย

ตัวอย่างสติ๊กเกอร์ที่เหมาะสม เช่น แผ่น patch ของ Glass Heroes ที่สามารถป้องกันทั้งฝุ่น ละอองน้ำ และสิ่งสกปรกเข้าสู่รอยแตกได้ ซึ่งสามารถติดต่อรับได้ที่ Glass Heroes ทุกสาขา ( อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก !! )
8. ห้ามพยายามซ่อมแซมด้วยตัวเอง
การซ่อมแซมกระจกรถยนต์ด้วยตัวเองอาจดูเหมือนเป็นทางเลือกที่ประหยัด แต่หากไม่มีความรู้และเครื่องมือที่เหมาะสม อาจทำให้กระจกเสียหายมากขึ้น หรือการซ่อมแซมไม่แข็งแรงและไม่ปลอดภัย นอกจากนี้การซ่อมกระจกรถยนต์ทำได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น จึงควรเลือกการซ่อมกระจกรถยนต์ที่ดีที่สุด ( อ่านรายละเอียดเครื่องซ่อมที่ดีที่สุดจาก Belron คลิก !! )
9. ห้ามปล่อยไว้นาน
กระจกรถยนต์ที่แตกไม่เพียงแต่บดบังทัศนวิสัย แต่รอยแตกที่เล็กแค่ “จุดเดียว” อาจกลายเป็นรอยร้าว “ยาวทั้งบาน” ได้ภายในไม่กี่วันเพราะกระจกเจอแรงกระแทก ความร้อน ลม หรือแรงสั่นสะเทือนจากการขับรถตลอดเวลาทำให้ไม่สามารถซ่อมได้ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ระยะเวลาในการดำเนินการนานมากขึ้น และอาจมีผลกระทบต่อระบบ ADAS ( อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับระบบ ADAS เพิ่มเติม คลิก !! )
10. ห้ามซ่อมกับร้านที่ไม่มีมาตรฐาน
อุปกรณ์ที่ไม่ได้รับมาตรฐานจะไม่สามารถการันตีความแข็งแรงของกระจกรถยนต์หลังการซ่อมได้ เพราะ การซ่อมกระจกรถยนต์ด้วยแรงดันทั่วไปไม่สามารถไล่ความชื้น หรือ ฉีดน้ำยาได้ลึกแทรกซึมเข้าสู่รอยแตกขนาดเล็ก ( Micro Crack ) ได้และใช้น้ำยาคุณภาพต่ำที่ทิ้งคราบเหลืองเมื่อเจอแสงแดด

ดังนั้น เมื่อ กระจกรถยนต์แตก หรือ กระจกรถยนต์ร้าว ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นานหากรอยแตกยังมีขนาดเล็ก ไม่ลาม ไม่มีสิ่งสกปรก และสามารถเข้ารับการซ่อมได้อย่างรวดเร็ว จะทำให้การซ่อมกระจกรถยนต์ได้ผลงานที่ดีมากยิ่งขึ้น แต่การซ่อมกระจกรถยนต์ไม่ใช่แค่เพียงหาร้านที่ “ถูก” หรือ “ใกล้บ้าน” แต่ควรเลือกจากอุปกรณ์การซ่อมที่ดีที่สุด ทีมช่างที่ผ่านการอบรม และมีการรับประกันความแข็งแรงของกระจกรถยนต์จากการซ่อมได้ที่ GLASS HEROES ศูนย์กระจกรถยนต์และฟิล์มกรองแสงอันดับ 1 ของโลกจาก Belron