ใบปัดน้ำฝนเสื่อม รู้แล้วรีบเปลี่ยน !!!

รวมสาเหตุ อาการ และการเลือกใบปัดน้ำฝน

ใบปัดน้ำฝนเสื่อม รู้แล้วรีบเปลี่ยน !!

ใบปัดน้ำฝน
          ช่วง ฤดูร้อน เป็นช่วงเวลาที่ทำให้ใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพด้วยอุณหภูมิสูงเฉลี่ย 35 – 40 องศาเซลเซียส ตั้งแต่ประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ ถึง กลางเดือนพฤษภาคม และเมื่อถึงช่วง ฤดูฝน ในช่วงปลายเดือน พฤษภาคม ถึง กลางเดือนตุลาคม เป็นช่วงที่ทัศนวิสัยในการขับขี่ลดลงจากน้ำฝน สิ่งที่ช่วยในการจัดการกับน้ำฝนบริเวณกระจกรถยนต์ นั้นก็คือ ใบปัดน้ำฝน
           ใบปัดน้ำฝน หมายถึง อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการทำความสะอาด กระจกรถยนต์ บริเวณกระจกหน้ารถยนต์ ซึ่งรถบางคันอาจจะมีบริเวณกระจกท้ายรถด้วย ช่วยจัดการสิ่งที่บดบังวิสัยทัศน์ในการขับขี่ที่สภาพอากาศที่ไม่เหมาะสม เช่น ฝน หิมะ หรือแม้กระทั่งฝุ่นละออง
ที่ปัดน้ำฝน
ทำไมถึงต้องเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน
          ใบปัดน้ำฝน เป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับรถยนต์ ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นท้องถนนได้ชัดเจนในสภาพอากาศฝนตก แต่ใบปัดน้ำฝนมีอายุการใช้งานจำกัด จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่เมื่อเสื่อมสภาพระยะเวลาการใช้งานของใบปัดน้ำฝนจะอยู่ระหว่าง 6 เดือน หรือ 1 ปี ขึ้นอยู่กับการใช้งานและสภาพแวดล้อมการจอดรถกลางแดด ( หากจำเป็นต้องจอดรถตากแดด ทำอย่างไรให้รถไม่พัง อ่านเพิ่มเติม คลิก !! ) เป็นต้น ซึ่งใบปัดน้ำฝนเป็นอะไหล่ที่อาจจะไม่ได้สนใจ หรือให้ความสำคัญอะไรมาก เพราะคิดว่ามันอาจจะไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนบ่อยๆ ซึ่งถ้าหากใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ จะทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ลดลงแล้ว ยังมีผลต่อ ระบบ ADAS ( อ่านเพิ่มเติม คลิก !! ) ให้ทำงานผิดพลาดอีกด้วย
 
5 สัญญาณเตือนว่าควรเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน
          1. ใบปัดน้ำฝน ปัดไม่สะอาด แน่นอนว่าการเปิดใช้ใบปัดน้ำฝน เพื่อที่ต้องการให้กระจกใส สะอาด หรือปัดสิ่งรบกวนสายตาจากการขับขี่ออกไป แต่หากถ้าใบปัดน้ำฝนไม่สามารถใช้งานได้ แสดงว่าใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพแล้ว
          2. ใบปัดน้ำฝน ส่งเสียงดัง หากขณะใช้งานใบปัดน้ำฝน เกิดได้ยินเสียงระหว่างการทำงาน อาจเกิดจากยางบริเวณใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ อาจส่งผลให้กระจกรถยนต์เป็นรอยได้อีกด้วย
          3. ยางใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ ยางปัดน้ำฝนจะสัมผัสคล้าย ๆ ยางทั่วไปที่มีลักษณะ นุ่ม ๆ มีความยืดหยุ่น ผิวเรียบ แต่ถ้าหากรู้สึกได้ว่ายางปัดน้ำฝนเกิดแข็ง แตก ขาด หรือเปลี่ยนสี ก็ควรเปลี่ยน
          4. โครงใบปัดน้ำฝนไม่เหมือนเดิม โดยทั่วไปแล้วโครงใบปัดน้ำฝนจะมีลักษณะแข็ง โค้งเล็กน้อยตามความโค้งของกระจกรถยนต์ แข็งแรง แต่หากเกิดการงอ หัก หรือขึ้นสนิมก็อาจส่งผลต่อฟิล์มติดกระจกรถ หรือความปลอดภัยในการขับขี่
          5. การทำงานผิดปกติ ซึ่งปกติแล้วการทำงานของใบปัดน้ำฝนจะเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่อง และรวดเร็วในการปัดแต่ละครั้ง ความผิดปกติมักจะมีลักษณะที่ปัดไม่สม่ำเสมอ ปัดช้าลง หรืออาจมีการหยุดทำงาน
ปัดน้ำฝน
ปัจจัยที่ทำให้ใบปัดน้ำฝนรถยนต์เสื่อมสภาพ
          1. เกิดจากแสงแดดที่ส่องลงมาสะสมที่กระจกรถยนต์เป็นเวลานาน ทำให้ใบปัดน้ำฝนที่ทำจากยาง แห้ง กรอบ และเสื่อมสภาพ
          2. เกิดจากเศษฝุ่นหรือเศษสิ่งแปลกปลอมเล็กๆเกาะที่กระจกรถยนต์ เมื่อไม่ได้รับการทำความสะอาดที่ดีพอ ก็จะทำให้ยางใบปัดน้ำฝนเกิดการสึกหรอ และเสื่อมสภาพได้ หรืออาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนที่กระจกรถยนต์ในขณะที่ใช้งานได้
          3. เกิดจากน้ำยาล้างรถที่มีสารแอมโมเนีย หรือสารเคมีต่าง ๆ ที่มีคุณสมบัติในการกัดกร่อน แล้วนำมาทำความสะอาดกระจกหน้ารถยนต์ จะทำให้ใบปัดน้ำฝนเสื่อมไวขึ้นนั่นเอง
น้ำฝน
ปัจจัยในการเลือก ใบปัดน้ำฝน
          1. ขนาด เลือกใบปัดน้ำฝนให้เหมาะกับขนาดของรถยนต์ โดยเลือกให้เท่ากับขนาดเดิม หรือ ดูจากเอกสารคู่มือรถ
          2. ประเภท ใบปัดน้ำฝนจะมี 2 ประเภท ดังนี้
               – แบบมีโครง เป็นแบบดั้งเดิมที่เห็นได้ทั่วไป เหมาะสำหรับรถทั่วไป
               – แบบไร้โครง เป็นแบบที่ยางหรือซิลิโคนติดกับตัวเหล็ก ทำให้กระจายแรงกดได้สม่ำเสมอ
          3. วัสดุ มี 2 ประเภท ได้แก่
               – ยาง ราคาประหยัด ทนทาน แต่อาจเสียงดัง
               – ซิลิโคน เสียงเงียบกว่า ทนทาน
 
          สรุป ใบปัดน้ำฝน เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่สำคัญสำหรับรถยนต์ ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นท้องถนนได้อย่างชัดเจนในสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ ดังนั้น ใบปัดน้ำฝนที่เสื่อมภาพก็อาจทำให้เกิดความเสี่ยง การเลือกใบปัดน้ำฝนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญทั้งด้านขนาด ประเภท หรือวัสดุของใบปัดน้ำฝน
          แต่สำหรับผู้ที่ต้องการคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านกระจกรถยนต์ ที่ไม่อยากซื้อใบปัดน้ำฝนผิดขนาด ใบปัดน้ำฝนลอกเลียนแบบ หรือ กังวลเรื่องการติดตั้งใบปัดน้ำฝน สามารถติดต่อเข้ารับคำแนะนำจาก GLASSTECH