รีวิวฟิล์ม FORD Ranger Willdtrak
รถยนต์สายลุยพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำ

ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค (Ford Ranger Wildtrak) เป็นหนึ่งในรุ่นย่อยที่ได้รับความนิยมอย่างสูงของฟอร์ด เรนเจอร์ในประเทศไทย ด้วยการผสมผสานความหรูหรา ความแข็งแกร่ง และเทคโนโลยีที่ครบครัน ทำให้เหมาะกับการใช้งานทั้งในชีวิตประจำวันและการผจญภัย

ภาพรวมและจุดเด่นของ Ford Ranger Wildtrak
Ford Ranger Wildtrak ถูกวางตำแหน่งให้เป็นรุ่นที่เน้นความสปอร์ต หรูหรา และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยกว่ารุ่นพื้นฐาน โดยมีจุดเด่นดังนี้
– ดีไซน์ภายนอกโดดเด่น มาพร้อมชุดแต่ง Wildtrak โดยเฉพาะ เช่น กระจังหน้าดีไซน์เฉพาะ, ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ (18 หรือ 20 นิ้ว ขึ้นอยู่กับรุ่นเครื่องยนต์ย่อย), สปอร์ตบาร์และราวหลังคา, ไฟหน้า Matrix LED C-Clamp พร้อมระบบ Adaptive Front Lighting System (ในรุ่น V6) และไฟส่องสว่างภายนอกแบบ Zone Lighting
– ห้องโดยสารพรีเมียม ภายในตกแต่งด้วยโทนสี Wildtrak พร้อมวัสดุคุณภาพดี เบาะนั่งหุ้มหนังและหนังสังเคราะห์ดีไซน์เฉพาะ Wildtrak, แผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 8 นิ้ว, หน้าจอสัมผัสแนวตั้งขนาดใหญ่ 10.1 หรือ 12 นิ้ว (รองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto™ แบบไร้สาย), ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone, แท่นชาร์จไร้สาย และช่องจ่ายไฟ 230V (400W) ในกระบะท้าย
– สมรรถนะเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง มีเครื่องยนต์ให้เลือกทั้งแบบ 2.0L Bi-Turbo และ 3.0L V6 Turbo Diesel เพื่อตอบสนองความต้องการด้านกำลังและแรงบิดที่แตกต่างกัน
– เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ จัดเต็มด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่และระบบความปลอดภัยขั้นสูง (ADAS) เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ (Adaptive Cruise Control), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System), ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ, กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา, และถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง เป็นต้น ( อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ระบบ ADAS คลิก !! )

ปัจจัยการเลือกฟิล์มสำหรับรถยนต์ FORD Ranger Wildtrak
การเลือกฟิล์มกรองแสงสำหรับ Ford Ranger Wildtrak ควรพิจารณาจากหลายปัจจัยเพื่อให้ได้ฟิล์มที่ตอบโจทย์การใช้งาน สภาพอากาศ และความต้องการส่วนบุคคลได้อย่างเหมาะสมที่สุด นี่คือปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณา
1. ประเภทของฟิล์มกรองแสง
สำหรับ Ford Ranger Wildtrak ที่มีเทคโนโลยีสูงและมีการเชื่อมต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น SYNC® 4A, GPS, Easy Pass, กล้อง 360 องศา, ADAS ต่างๆ แนะนำให้เลือกฟิล์มประเภท “เซรามิก” หรือ “คาร์บอน” ที่ไม่มีส่วนผสมของโลหะ เพื่อไม่ให้รบกวนการทำงานของระบบเหล่านี้

2. ความสามารถในการลดความร้อน
– ค่าลดรังสีอินฟราเรด (IR Rejection) ควรเลือกที่ 90% ขึ้นไป
– ค่าลดรังสีอัลตราไวโอเลต (UV Rejection) ควรเลือกฟิล์มที่ป้องกัน UV ได้ 99%
– ค่าการลดความร้อนรวม (Total Solar Energy Rejected – TSER) ยิ่งสูง ห้องโดยสารก็ยิ่งเย็น
– ค่าการสะท้อนแสง (Visible Light Reflectance – VLR) ไม่ควรเกิน 20% สำหรับบานหน้า
3. ระดับความเข้มของฟิล์ม (Visible Light Transmission – VLT)
ความเข้มของฟิล์มเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อทัศนวิสัยและความเป็นส่วนตัว โดยทั่วไปจะระบุเป็นเปอร์เซ็นต์ของแสงที่ส่องผ่านได้
ความเข้มฟิล์ม 40% (แสงส่องผ่านประมาณ 30-40%) เหมาะสำหรับผู้ที่ขับรถกลางคืนบ่อยๆ หรือผู้สูงอายุที่สายตาไม่ดี ให้ความสว่างในการมองเห็นที่ดีที่สุด
ความเข้มฟิล์ม 60% (แสงส่องผ่านประมาณ 20%) เป็นความเข้มที่นิยมที่สุดสำหรับบานหน้า ให้ความสมดุลระหว่างความเป็นส่วนตัวและทัศนวิสัยในการขับขี่ทั้งกลางวันและกลางคืน

4. การรับประกันของฟิล์มกรองแสง
การรับประกันสะท้อนถึงคุณภาพและความมั่นใจของแบรนด์ฟิล์มนั้นๆ หากฟิล์มมีระยะเวลาการรับประกันที่ยาวนานและเงื่อนไขการรับประกันที่ครอบคลุม แสดงว่าผู้ผลิตมั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์
5. ความเชี่ยวชาญของช่างผู้ติดตั้ง
ไม่ว่าคุณจะเลือกฟิล์มกรองแสงคุณภาพดีราคาแพงแค่ไหน หากช่างที่ติดตั้งไม่มีความเชี่ยวชาญหรือไม่ใส่ใจในรายละเอียด ก็อาจทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาได้

ตัวอย่างการเลือกฟิล์มกรองแสงของ Ford Ranger Wildtrak
รถยนต์ Ford Ranger Wildtrak คันนี้เลือกฟิล์มกรองแสงเซรามิก Super Hi-Kool Beyond Ceramic ที่มี คุณสมบัติป้องกัน UV ถึง 99% และค่า IR สูงถึง 97% โดยฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ไม่กีดกั้นสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ ฟิล์มสีมืด เมื่อมองจากภายนอก และสว่างให้ทัศนวิสัยเมื่อมองจากภายในรถยนต์ และยัง รับประกันฟิล์มกรองแสงถึง 7 ปี ที่ 1 เรื่อง กระจกรถยนต์และฟิล์มกรองแสงรถยนต์ต้อง GLASSTECH เท่านั้น !!!