รีวิวฟิล์ม MG GS
ติดฟิล์มอย่างไรให้เข้ากับความสปอร์ต
MG GS เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ SUV โดยชูจุดเด่นด้านสมรรถนะการขับขี่ เทคโนโลยี และระบบความปลอดภัยที่ครบครัน ดีไซน์ของ MG GS ได้รับการออกแบบโดยศูนย์ออกแบบ ณ เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ เน้นความโฉบเฉี่ยวและสปอร์ต
รายละเอียดเด่นของ MG GS
ประเภทรถ รถยนต์อเนกประสงค์ SUV
เครื่องยนต์ มีให้เลือก 2 ขนาดหลัก คือ
– เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ TGI-Tech ให้กำลังสูงสุด 167 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ Twin Clutch Sportronic Transmission (TST) 7 สปีด (สำหรับรุ่น 2.0 ลิตร) ให้สมรรถนะที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปในเมืองและเดินทางข้ามจังหวัด ด้วยกำลังและแรงบิดที่มีในช่วงรอบที่กว้าง ทำให้ขับขี่ได้ไหลลื่นและตอบสนองได้ดีในการเร่งแซง
– เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ TGI-Tech ให้กำลังสูงสุด 218 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ Twin Clutch Sportronic Transmission (TST) 6 สปีด มอบสมรรถนะที่โดดเด่นและทรงพลัง มีอัตราเร่งที่ดีมาก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพละกำลังเป็นพิเศษ การขับขี่ในย่านความเร็วสูงทำได้ดี และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD) ยังเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่บนสภาพถนนที่หลากหลาย
ดีไซน์ภายนอก โดดเด่นด้วยเส้นสายที่เฉียบคม ไฟหน้าแบบโปรเจกเตอร์พร้อม Daytime Running Lights (DRL) ไฟท้าย LED และล้ออัลลอย
ดีไซน์ภายใน เน้นความสะดวกสบายและฟังก์ชันการใช้งาน มีการจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ที่เข้าถึงง่าย ภายในโทนสีดำ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังแท้หรือหนังสังเคราะห์
เทคโนโลยีและระบบอำนวยความสะดวก
– หน้าจอระบบสัมผัส (Touch Screen) ขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อหลากหลาย
– ระบบนำทาง (Navigation System)
– ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
– ระบบ inkaNet ซึ่งเป็นระบบสื่อสารอัจฉริยะที่ช่วยให้สามารถควบคุมและตรวจสอบข้อมูลรถผ่านสมาร์ทโฟนได้ (เช่น ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์, ล็อก-ปลดล็อกประตู, ตรวจสอบสถานะรถยนต์)
– ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
– ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
ระบบความปลอดภัย มาพร้อมระบบความปลอดภัยที่หลากหลาย ( อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ระบบ ADAS คลิก !! )
– ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control – ACC)
– ระบบเตือนการออกนอกเลน (Lane Departure Warning – LDW)
– ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (Lane Keep Assist – LKA)
– ระบบเตือนมุมอับสายตา (Blind Spot Detection – BSD)
– ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning – FCW)
– ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (Autonomous Emergency Braking – AEB)
ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกฟิล์มติด
1. การลดความร้อน (Heat Rejection) พิจารณาค่า Total Solar Energy Rejected (TSER) ซึ่งเป็นค่าที่บอกประสิทธิภาพรวมในการลดพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์ ค่า TSER ยิ่งสูง ยิ่งลดความร้อนได้ดี
2. การป้องกันรังสี UV (UV Rejection – UVR) เลือกฟิล์มที่ป้องกันรังสี UV ได้ 99%
3. การลดรังสีอินฟราเรด (Infrared Rejection – IRR) รังสีอินฟราเรดเป็นตัวการสำคัญของความร้อน เลือกฟิล์มที่มีค่า IRR สูง โดยเฉพาะฟิล์มเซรามิกมักมีค่านี้สูง
4. ความเข้มของฟิล์ม (Visible Light Transmission – VLT) คือปริมาณแสงที่ส่องผ่านเข้ามาในรถได้ ค่า VLT ต่ำ หมายถึงฟิล์มมีความเข้มมาก ให้ความเป็นส่วนตัวสูง แต่ทัศนวิสัยในการมองเห็นจากภายในสู่ภายนอกจะลดลง ควรเลือกความเข้มที่เหมาะสมกับการขับขี่ของคุณ โดยเฉพาะเวลาค่ำคืน
5. สีของฟิล์ม มีหลากหลายสี เช่น ชาโคล ดำ สีกลางๆ สามารถเลือกให้เข้ากับสีรถและความชอบส่วนตัว
ตัวอย่างการเลือกฟิล์มกรองแสงของ MG GS
รถยนต์ MG GS คันนี้เลือกฟิล์มกรองแสงเซรามิกของ 3M Ceramic Ultra Clear ที่มีคุณสมบัติป้องกัน UV ถึง 99% และค่า IR สูงถึง 95% โดยฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ไม่กีดกั้นสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ ฟิล์มสีมืด เมื่อมองจากภายนอก และสว่างให้ทัศนวิสัยเมื่อมองจากภายในรถยนต์ และยัง รับประกันฟิล์มกรองแสงถึง 7 ปี ที่ 1 เรื่อง กระจกรถยนต์และฟิล์มกรองแสงรถยนต์ต้อง GLASSTECH เท่านั้น !!!
